เครื่องฟอกอากาศยูวี ควรวางไว้ตรงไหนดี

เครื่องฟอกอากาศ

สารบัญ

> เครื่องฟอกอากาศยูวี ควรวางไว้ตรงไหนดี

>> ตำแหน่งการวาง เครื่องฟอกอากาศยูวี ที่ดีที่สุดคือ

>>> บริเวณที่ไม่ควรตั้งมีดังนี้

>>>> สรุป

เครื่องฟอกอากาศยูวี ควรวางไว้ตรงไหนดี

     ช่วงนี้มีฝุ่นมาเป็นระยะโดยปัญหา PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพโดยตรง จนทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อ เครื่องฟอกอากาศยูวี ติดห้องไว้เพื่อทำหน้าที่ฟอกอากาศภายในบ้าน แต่เท่าที่สังเกตคือหลายคนยังติดตั้งไม่ถูกวิธี ด้วยความที่มันมีขนาดค่อนข้างเกะกะ จึงมีการเอาไปหลบไว้ตามซอกหรือมุมห้องต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยตรง โดยปกติแล้วลมจากเครื่องฟอกนั้นจะพุ่งขึ้นด้านบน ส่วนลมที่เข้ามาสู่เครื่องฟอกจะเข้าบริเวณด้านข้างเครื่องเป็นหลัก

 

เครื่องฟอกอากาศยูวี

ตำแหน่งการวาง เครื่องฟอกอากาศยูวี ที่ดีที่สุดคือ

     จุดที่ดีที่สุดสำหรับวาง ควรวางห่างจากผนัง หรือสิ่งกีดขวางประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อให้มีอากาศหมุนเวียน เข้า ออก รอบเครื่องได้อย่างเป็นอิสระ ส่วนการเปลี่ยนแผ่นกรอง ทั่วไป คือทุก 6เดือน แต่หากคุณตั้งเครื่องไว้ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะอย่างหนัก ก็อาจจะต้องเปลี่ยนไว้ขึ้น

วางบนโต๊ะหรือวางบนพื้นดีกว่ากัน ?
     บางรุ่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก และบางคนก็เลือกที่จะตั้งโต๊ะ เพื่อความสะดวกมากกว่า ความเป็นจริงก็คือพอวางได้ แต่ถ้าเป็นไปได้วางพื้นจะดีกว่า เพราะฝุ่นมีหลายขนาดตั้งแต่ PM 2.5 (หรือบางทีก็ใหญ่กว่านั้น) ถึงแม้จะลอยฟุ้งในอากาศได้ แต่ส่วนมากจะตกลงพื้น การดูดจากพื้นจึงทำได้ง่ายกว่า นอกจากนี้เครื่องฟอกส่วนใหญ่ ยังออกแบบมาให้เป่าอากาศหลังฟอกขึ้นด้านบนอยู่แล้วด้วย

 

บริเวณที่ไม่ควรตั้งมีดังนี้

1. อย่าวางไว้ใต้แอร์
ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิดมาก ว่าพอวาง ไว้ใต้แอร์แล้วก็จะปล่อยอากาศบริสุทธิ์มา แล้วแอร์ก็จะดูดอากาศเหล่านั้นเข้าไฟกรองอีกที ก็จะยิ่งได้อากาศที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก แต่จริง ๆ แล้ว แอร์นั้นจะมีการดูดอากาศที่ค่อนข้างสูง นั่นแปลว่าถ้าเกิดเราเอาไปวางไว้ใต้แอร์ อากาศในห้องจะถูกแอร์ดูดเข้าไปก่อนที่จะถูกดูดเข้า นั่นแปลว่าอากาศในห้องของเราก็แทบจะไม่ผ่านเลย ฉะนั้นแนะนำว่าให้วางไว้ตรงข้ามกับแอร์แทนจะดีกว่า

 

2. ไม่ควรวางไว้ที่บริเวณหัวเตียง
เพื่อนของผมเองหลาย ๆ คนจะวางไว้ที่หัวเตียงหมดเลยครับด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อปล่อยอากาศที่บริสุทธิออกมา เราจะได้หายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์เหล่านั้นเข้าไปได้ทันที แต่จริง ๆ หลงลืมกันไปว่า ก่อนที่จะปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์ออกมา เครื่องฟอกอากาศก็ต้องดูดอากาศที่สกปรกเข้าไปก่อน แล้วอากาศสกปรกที่ถูกดูดเข้าไปก็ต้องผ่านเราเข้าไปก่อน นั่นแหละ จังหวะนั้นแหละครับที่เราจะได้สูดฝุ่นเข้าไปแบบเต็ม ๆ

 

3. ห้ามวางไว้หน้าห้องน้ำเด็ดขาด
หลายคนที่ซื้อไปวางไว้ในคอนโดอาจมีพื้นที่จำกัด และต้องวางไว้หน้าห้องน้ำ ขอบอกเลยให้เปลี่ยนที่ทันที เพราะหลักการทำงานคือ การดูดทุกอย่างเข้าไปกรอง ซึ่งถ้าหากเราวางไว้หน้าห้องน้ำ นอกจากฝุ่นแล้วก็จะมีความชื้นจากหน้าห้องน้ำที่ถูกดูดเข้าไปด้วย ซี่งแน่นอนว่าหากปล่อยความชื้นออกมาเยอะ ๆ ก็จะไม่ส่งผลดีกับเราแน่นอน

 

4. วางให้ห่างจากผนังประมาณ 10 ซม.
ตำแหน่งที่ควรวาง นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงตำแหน่งที่กล่าวมาทางด้านบนแล้ว การจะเอาไปตั้งไว้ชิดกับผนังก็เป้นสิ่งที่ไม่ควรทำครับ เพราะจะดูดอากาศจากแทบทุกทิศทาง ฉะนั้นบริเวณช่องว่างระหว่างผนัง ที่น้อยเกินไปอาจทำให้เกิดฝุ่นและคราบสะสมได้ ทางที่ดีควรวางเครื่องฟอกอากาศใหห่างจากผนังประมาณ 10 ซม. จะดีที่สุด

 

5. อย่าลืมเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศตามกำหนด
แผ่นกรองคือหัวใจสำคัญ แผ่นกรองที่ดี จะมีประสิทธิภาพการกรองอากาศทีสูงขึ้น ซึ่งเมื่อเราใช้งานไปสักระยะ ฝุ่นที่ดูดเข้ามาจะติดอยู่ที่แผ่นกรอง ให้เราหมั่นตรวจสอบว่าความหนาแน่นของฝุ่นยังอยู่ในระดับที่สามารถกรองอากาศได้อยู่หรือไม่ ถ้าเห็นว่ามีฝุ่นหนาเกินไป ให้รีบเปลี่ยนไส้กรองอากาศทันที หรือถ้าไม่รู้จะดูอย่างไร ให้ตั้งรอบการเปลี่ยนทุก ๆ 6 เดือนก็ได้เช่นเดียวกัน

 

 

สรุป

ในปัจจุบันนี้ ทั่วทั้งโลกจะมีคนที่เสียชีวิตเนื่องจากมลพิษในอากาศเฉลี่ย 7 ล้านคนต่อปี และจะดีกว่าหรือไม่ ถ้าหากว่าเราเริ่มดูแลและรักษาสุขภาพของเราในตอนนี้ ด้วยการจัดหา มาไว้ในห้องของเรา เพื่อให้เรามีอากาศที่ดีขึ้น ไม่เป็นพิษภัยต่อร่างกาย และเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย ซึ่งจากเนื้อหาของบทความนี้ ทุกคนก็คงจะทราบกันแล้ว ว่าเราควรวางแบบไหน จึงจะได้อากาศที่ดีที่สุด 

 

ติดต่อสั่งซื้อ 089-936-3588

ซื้อเครื่องฟอกอากาศอย่างไร ไม่ให้เสียเงินฟรี!!!!

1.ขนาดห้อง

     อันนี้หลายคนคงรู้อยู่แล้ว ตอนที่เลือก พนักงานก็จะบอกว่า ซื้อเครื่องฟอกอากาศรุ่นไหน เครื่องฟอกอากาศจะสามารถทำงานได้ที่พื้นที่กี่ตารางเมตร บลาๆๆๆ แต่หลักๆเวลาเลือกก็คือ ให้เราเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ระบุขนาดห้องที่สามารถฟอกอากาศได้ ใหญ่กว่าขนาดห้องจริงของเราเสมอ เช่น ถ้าเราอยู่คอนโดพื้นที่ 28.00 ตร.ม. ให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถฟอกอากาศได้ในพื้นที่ 30 – 32 ตร.ม. จะทำให้เครื่องฟอกอากาศสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ครอบคลุมพื้นที่ทั้งห้องได้แน่นอนแบบไม่ต้องกลัวมุมไหนที่เครื่องฟอกอากาศจะทำงานไม่ถึง แต่ก็ไม่ต้องใหญ่ไปมากกว่านี้แล้วนะ ไม่งั้นจะเกินความจำเป็นเปล่าๆ แถมเจ้าเครื่องฟอกอากาศอาจจะทำให้เปลืองไฟอีกด้วย

 

2.รูปแบบการทำงาน

   เครื่องฟอกอากาศนั้นมีการทำงานแตกต่างกันหลากหลายรูปแบบในแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบบแผ่นกรองคาร์บอน ปล่อยประจุบวกลบ ฆ่าเชื้อโรคได้ หรือกรองฝุ่นได้ในไมครอนความละเอียดที่แตกต่างกัน ฉะนั้นให้ดูว่า ถ้าเราจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ รูปแบบการใช้งานของเราน่ะเป็นแบบไหน ในห้องที่จะเอาเครื่องฟอกอากาศไปตั้ง มีคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจไหม เรามีสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วยหรือเปล่า หรือเราแพ้ฝุ่น แพ้ควัน มีข้อจำกัดอะไรบ้าง เราควรตอบตัวเองในข้อนี้ให้ได้ก่อนจะจูงมือกันไปซื้อเครื่องฟอกอากาศ

 

3. ระดับเสียง

   เพราะส่วนมาก ถ้าเราซื้อเครื่องฟอกอากาศมา เราจะเปิดเครื่องฟอกอากาศทิ้งไว้ตลอดทั้งคืนตอนนอนใช่ไหมละ ฉะนั้นถ้าเครื่องฟอกอากาศเสียงดังเกินไป ก็จะกลายเป็นเสียงรบกวนนะ โดยระดับเสียงที่เหมาะสมก็คือไม่ควรเกิน 30 – 31 เดซิเบล อันนี้นิวบ์อยากแนะนำเลยจ้า เพราะการทำงานของเสียงเครื่องฟอกอากาศอาจจะส่งผลต่อการนอนหลับได้

 

4.ราคา

     นอกจากจะต้องดูราคาของตัวเครื่องฟอกอากาศที่เราพอจะจ่ายไหวแล้ว เวลาเลือกเครื่องฟอกอากาศ ต้องไม่ลืมดูราคาของพวกอุปกรณ์ร่วมที่เราจะต้องจ่าย เช่นการเปลี่ยนตัวกรอง ซึ่งไอ้เจ้าตัวกรองหรือไส้กรองเครื่องฟอกอากาศเนี่ย มันมีอายุการใช้งานของมัน ต้องเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา ไม่อย่างนั้นเครื่องก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นตอนเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ก็อย่าลืมถามราคาของตัวกรองเอาไว้ด้วยนะจ๊ะ

ก่อนจะเข้าไปซื้อเครื่องฟอกอากาศก็อย่าลืมเข้ามาอ่านบทความนี้อีกรอบเพื่อจะได้รู้ว่าเราจะเลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนอย่างไรถึงจะเหมาะกับห้องของเรานะครับ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published.